วิธีดูว่าแมวเป็นไข้หรือไม่: สัญญาณ สาเหตุ การวัด และวิธีดูแล

ทีมแมวรัก

แมวรักดำเนินงานด้วยการสนับสนุนจากผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อสินค้าผ่านลิงก์ในเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชันในฐานะพันธมิตร โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

แมวขนยาวนอนซึมอยู่ในกระเป๋า พร้อมสายให้น้ำเกลือ

สารบัญ

ไข้ในแมวคืออะไร?

ไข้ในแมวหมายถึงภาวะที่อุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ โดยแมวทั่วไปจะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 38–39.2 องศาเซลเซียส (100.4–102.5 องศาฟาเรนไฮต์) หากอุณหภูมิสูงกว่า 39.2°C ถือว่าเริ่มมีไข้ และหากสูงเกิน 41.1°C (106°F) อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่ออวัยวะภายในของแมวได้

ไข้สามารถเกิดจากปัจจัยมากมาย เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บ โรคเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งความเครียดและความตื่นเต้น โดยบางครั้งสัตวแพทย์อาจไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด จึงเรียกว่า ไข้ไม่ทราบสาเหตุ (Fever of Unknown Origin หรือ FUO)


แม้ว่าแมวของคุณจะไม่ได้มีไข้ การช่วยให้แมวรู้สึกเย็นสบายก็ยังสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน คลิกที่นี่เพื่อดูวิธีป้องกันไม่ให้แมวร้อนเกินไป

สาเหตุของไข้ในแมว

ระบบภูมิคุ้มกันของแมวจะตอบสนองต่อสิ่งผิดปกติโดยเพิ่มอุณหภูมิของร่างกาย สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา
  • การติดเชื้อพยาธิ เช่น ท็อกโซพลาสโมซิส หรือไซโทซูนโนซิส
  • อาการบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือน
  • เนื้องอกหรือมะเร็ง
  • โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง เช่น ลูปัส
  • ผลข้างเคียงจากยา
  • ภาวะอักเสบในร่างกาย
  • ความร้อนจัดหรือเป็นลมแดด

แมวที่ออกไปนอกบ้าน มีความเสี่ยงสูงกว่าในการสัมผัสกับเห็บ หมัด หรือสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อโรค เช่น:

  • โรคไข้บ็อบแคต (Cytauxzoonosis) – อาจถึงตาย
  • ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) – โรคจากพยาธิที่พบได้บ่อย
  • เออริลิเคีย (Ehrlichiosis) – จากเห็บ ทำให้มีเลือดออกผิดปกติ
  • โรคแมวข่วน (Bartonellosis) – ติดต่อได้ทั้งสัตว์และคน
  • โรคไข้หุบเขา (Coccidioidomycosis) – เชื้อราชนิดหนึ่ง
  • แบคทีเรียในเลือด (Haemobartonellosis) – รักษายาก

สัญญาณว่าแมวของคุณอาจมีไข้

หากแมวของคุณมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของไข้:

  • ซึม เฉื่อยชา หรือดูไม่สดใส
  • เบื่ออาหาร
  • ดื่มน้ำน้อย
  • ไม่เลียทำความสะอาดตัวเอง
  • ชอบหลบซ่อน ไม่อยากขยับ
  • หายใจเร็ว ตัวสั่น หรือหัวใจเต้นเร็ว
  • ขาดน้ำ
  • อาเจียนหรือท้องเสีย
  • ไม่สนใจสิ่งรอบตัว หรือไม่ทำกิจกรรมที่เคยชอบ

ข้อควรจำ: การจับจมูกแมวหรือรู้สึกว่าตัวแมวอุ่นไม่สามารถวินิจฉัยไข้ได้แน่นอน วิธีเดียวที่จะแน่ใจคือ การวัดอุณหภูมิ


แมวกำลังถูกจับเพื่อฉีดยาโดยสัตวแพทย์
แมวที่มีไข้อาจต้องได้รับการฉีดยาหรือรักษาจากสัตวแพทย์ในคลินิก

วิธีวัดไข้แมวอย่างปลอดภัย

การวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นวิธีเดียวที่แม่นยำที่สุดในการรู้ว่าแมวเป็นไข้หรือไม่

อุปกรณ์ที่ควรเตรียม:

  • เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัล (แนะนำให้ใช้แบบวัดทางทวาร)
  • วาสลีนหรือสารหล่อลื่น
  • กระดาษทิชชู่และแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาด
  • ขนมหรือของรางวัลสำหรับแมว

ขั้นตอน:

  1. ทาวาสลีนที่ปลายเทอร์โมมิเตอร์
  2. ให้ผู้ช่วยจับแมวให้อยู่ในท่าหันก้นมาทางคุณ
  3. ยกหางขึ้นแล้วค่อยๆ ใส่เทอร์โมมิเตอร์เข้าไปทางทวารประมาณ 1 นิ้ว
  4. อย่าฝืน ถ้าแมวขัดขืนให้หยุดพักก่อน
  5. รอจนเทอร์โมมิเตอร์แจ้งว่าเสร็จ (ถ้าใช้แบบดิจิทัล) หรือรอ 2 นาที (ถ้าใช้แบบปรอท)
  6. อ่านค่าอุณหภูมิ แล้วทำความสะอาดเครื่องมือ
  7. ให้ขนมหรือรางวัลแก่แมวหลังวัดเสร็จ

ห้ามใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่ใช้กับแมวกับคน และไม่ควรใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทที่แตกง่าย

หากคุณไม่สะดวกหรือไม่มั่นใจในการวัด ควรรีบพาแมวไปให้สัตวแพทย์วัดแทน


การวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์

สัตวแพทย์จะเริ่มต้นจาก:

  • ซักประวัติและอาการ
  • ตรวจร่างกายและวัดอุณหภูมิ
  • ตรวจเลือดหาเชื้อ FeLV และ FIV
  • ตรวจนับเม็ดเลือดและค่าสารเคมี
  • ตรวจปัสสาวะและอุจจาระ
  • อัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ในบางกรณี

การดูแลและการรักษาแมวที่มีไข้

แมวที่มีไข้ควรได้รับ:

  • ที่พักที่เงียบสงบ
  • น้ำสะอาดตลอดเวลา
  • อาหารที่ย่อยง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการ

อย่าให้ยาลดไข้ของคนกับแมว เช่น พาราเซตามอล เพราะเป็นพิษรุนแรงต่อแมว

หากไข้ไม่ลดภายใน 24 ชั่วโมง หรืออุณหภูมิเกิน 41.1°C ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

ในกรณีรุนแรง อาจต้อง:

  • ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดหรือใต้ผิวหนัง
  • ให้ยาปฏิชีวนะหรือยาลดการอักเสบ
  • ให้การดูแลในโรงพยาบาล

สรุป: วิธีดูว่าแมวเป็นไข้หรือไม่

แมวที่มีอาการซึม เบื่ออาหาร ไม่เล่น ไม่ดูแลตัวเอง และตัวร้อนผิดปกติ อาจกำลังมีไข้

ทางเดียวที่จะรู้แน่นอน คือ วัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์ทางทวาร หากพบว่าอุณหภูมิสูงเกิน 39.2°C ให้เริ่มเฝ้าระวัง และหากสูงเกิน 41°C หรือมีอาการรุนแรงอื่นๆ ให้รีบพบสัตวแพทย์ทันที

การดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้แมวฟื้นตัวเร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในอนาคต

คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับวิธีสังเกตและดูแลแมวที่มีไข้

แมวตัวร้อนแปลว่ามีไข้หรือไม่?

ไม่เสมอไป การจับตัวหรือจมูกแล้วรู้สึกร้อน ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแมวมีไข้ วิธีที่แม่นยำที่สุดคือการวัดอุณหภูมิทางทวาร หากสูงกว่า 39.2°C จึงถือว่าเริ่มมีไข้

ใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบไหนวัดไข้แมวได้ดีที่สุด?

แนะนำให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลสำหรับสัตว์ และวัดทางทวาร เพราะให้ค่าที่แม่นยำที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทหรือวัดจากหู เพราะอาจไม่แม่นและเสี่ยงแตก

ถ้าแมวมีไข้ควรให้ยาพาราหรือยาลดไข้ของคนไหม?

ห้ามเด็ดขาด ยาพาราเซตามอลและยาลดไข้ของคนเป็นพิษต่อแมวและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ควรให้สัตวแพทย์เป็นผู้ประเมินและสั่งยาเท่านั้น

ต้องพาแมวไปหาหมอเมื่อไหร่ถ้าแมวมีไข้?

ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันทีหากอุณหภูมิสูงเกิน 41°C หรือแมวแสดงอาการอื่นร่วม เช่น ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน หรือไม่ยอมดื่มน้ำ และหากไข้ไม่ลดภายใน 24 ชั่วโมงก็ไม่ควรชะลอการรักษา

สมัครรับจดหมายข่าวของเรา

รับเคล็ดลับการเลี้ยงแมว บทความใหม่ๆ และสิทธิพิเศษส่งตรงถึงอีเมลของคุณทุกสัปดาห์