สำหรับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและชื้นแทบตลอดทั้งปี การดูแลแมวให้เย็นสบายจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะฤดูไหน แมวของเราก็อาจเผชิญกับปัญหาจากอุณหภูมิสูง ความชื้น และการระบายอากาศที่ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะฮีตสโตรก (heatstroke) ที่อันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
แม้แมวบางตัวจะสามารถหาที่ร่มหรือหยุดเคลื่อนไหวเพื่อประหยัดพลังงานได้เอง แต่เจ้าของแมวก็ยังมีบทบาทสำคัญในการจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้แมวรู้สึกเย็นสบาย ปลอดภัย และไม่เครียด
บทความนี้รวบรวมเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงสำหรับดูแลแมวในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย โดยไม่จำกัดแค่เฉพาะช่วงฤดูร้อน
1. ให้น้ำสะอาดและเย็นตลอดเวลา
น้ำคือหัวใจสำคัญในสภาพอากาศร้อน แมวอาจเสี่ยงขาดน้ำได้ง่ายกว่าที่เราคิด เพราะโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่ค่อยดื่มน้ำมาก หากไม่มีการกระตุ้นอย่างเหมาะสม
- วางชามน้ำหลายจุดทั่วบ้าน ทั้งในร่มและกลางแจ้ง
- ใช้ชามหลากหลายวัสดุ เช่น เซรามิก พลาสติก หรือสแตนเลส เพื่อดูว่าแมวชอบแบบไหน
- หลีกเลี่ยงชามโลหะนอกบ้าน เพราะร้อนเร็วและทำให้น้ำอุ่นเกินไป
- ใช้น้ำพุแมวหรือตู้กดน้ำเพื่อกระตุ้นการดื่ม เพราะแมวบางตัวชอบน้ำไหล
- ล้างชามน้ำทุกวัน ป้องกันแบคทีเรียและตะไคร่สะสม
2. จัดพื้นที่ร่มและเย็นให้แมวตลอดวัน
แมวส่วนใหญ่จะมองหาที่ร่มเมื่อรู้สึกร้อน การจัดพื้นที่ให้แมวสามารถเข้าถึงร่มได้ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
- ใช้ร่มสนาม กล่องกระดาษ หรือทำหลังคาชั่วคราวด้วยผ้าใบ กระดาษแข็ง หรือผ้า
- จัดให้มีร่มเงาครอบคลุมตลอดทั้งวัน ไม่ใช่แค่ตอนเช้า
- สำหรับแมวกลางแจ้ง ตรวจสอบพื้นที่ซ่อน เช่น โรงเก็บของก่อนล็อกประตู เพื่อป้องกันไม่ให้แมวติดอยู่ด้านใน

3. ให้แมวเข้าบ้านได้ตลอดเวลา
ในประเทศไทย บ้านมักจะเย็นกว่าอากาศภายนอก โดยเฉพาะเมื่อมีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ แมวควรมีทางเลือกในการเข้าบ้านเสมอเมื่อรู้สึกร้อน
- ติดตั้งประตูแมวเพื่อให้เข้าออกได้เอง
- เปิดห้องเย็น เช่น ห้องปูกระเบื้อง ห้องครัว หรือห้องที่มีแอร์ ให้แมวเข้าได้ง่าย
4. เพิ่มการระบายอากาศภายในบ้าน
แม้ภายนอกจะร้อน แต่การจัดการอากาศภายในบ้านสามารถช่วยให้แมวเย็นขึ้นได้อย่างมาก
- เปิดพัดลม หรือเปิดแอร์ในช่วงที่อากาศร้อนที่สุด
- เปิดหน้าต่างให้อากาศไหลเวียน
- จัดวางเตียงแมวไว้ในจุดที่มีลมพัดผ่าน
5. ห้ามทิ้งแมวไว้ในรถโดยเด็ดขาด
แม้จะจอดรถไว้เพียงไม่กี่นาที อุณหภูมิภายในรถสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และอันตรายถึงชีวิตสำหรับแมว
- อุณหภูมิในรถอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 องศาเซลเซียสต่อนาที
- ห้ามเด็ดขาดแม้จะเปิดหน้าต่างไว้
- หากจำเป็นต้องพาแมวไปด้วย ให้เปิดแอร์เสมอ
- ใช้กรงที่ระบายอากาศได้ดี และเตรียมน้ำไว้ให้ในกรง
6. หวีขนแมวเป็นประจำ
แมวที่ขนหนาหรือยาวอาจเก็บความร้อนมากขึ้น การหวีขนช่วยให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีขึ้น
- หวีขนทุกวัน เพื่อลดขนพันกันและขนตาย
- ขนที่สะอาดและไม่พันกันจะช่วยให้การระบายความร้อนจากน้ำลายมีประสิทธิภาพ
- ช่วยป้องกันการเกิดก้อนขนที่ดักความร้อนไว้
7. ใช้อุปกรณ์ช่วยคลายร้อน
การใช้ของเย็นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีและปลอดภัยสำหรับแมว โดยเฉพาะเมื่อวางในบริเวณที่แมวชอบนอน
- เสื่อเย็นแบบพิเศษสำหรับสัตว์
- ขวดน้ำเย็นหรือถุงน้ำแข็งห่อผ้า (ห้ามวางตรงกับผิวแมว)
- ผ้าชุบน้ำเย็นวางในกรงหรือเตียงแมว
- ถุงน้ำแข็งที่ให้แมวเลียเล่นได้
8. ของว่างเย็น ๆ สำหรับแมว
ขนมคลายร้อนเป็นวิธีที่ช่วยทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นและความเพลิดเพลินให้แมว
- น้ำปลาทูน่าผสมแช่เย็น หรือซุปไก่แช่แข็ง
- ทำเป็นน้ำแข็งหรือเยลลี่แช่แข็ง
- ให้ในปริมาณน้อย และไม่บ่อยเกินไปเพื่อป้องกันท้องเสีย
9. เปลี่ยนเตียงให้นอนสบายขึ้น
เตียงนุ่มอาจเก็บความร้อนได้ดีเกินไปในอากาศร้อน ควรเลือกเตียงที่ระบายอากาศได้ดี
- แฮมม็อกสำหรับแมว หรือเตียงที่ยกสูง
- วางในที่ร่มหรือบริเวณที่ลมผ่าน เช่น ใต้พัดลม
10. หลีกเลี่ยงกิจกรรมช่วงอากาศร้อนจัด
แมวอาจดูนิ่งเฉยในช่วงอากาศร้อน แต่ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ—พวกเขากำลังประหยัดพลังงานเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการเล่นหรือออกกำลังช่วงกลางวัน
- เลือกเล่นในช่วงเช้าหรือเย็นแทน

11. ใช้ครีมกันแดดสำหรับแมว (ถ้าจำเป็น)
แมวสีขาวหรือขนบางมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกแดดเผา โดยเฉพาะบริเวณจมูก หู และรอบตา
- ใช้เฉพาะครีมกันแดดสำหรับสัตว์เลี้ยงเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิงก์หรือซาลิไซเลต เพราะอาจเป็นพิษ
12. รู้จักสัญญาณของฮีตสโตรก
ภาวะฮีตสโตรกอาจเกิดขึ้นได้เร็วโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า จึงจำเป็นต้องรู้ทันอาการอันตราย
สัญญาณอันตราย ได้แก่:
- หายใจแรง หายใจทางปาก หรือหอบ
- ตัวร้อนผิดปกติ อ่อนแรง เดินเซ
- อาเจียน น้ำลายมาก หรือมีฟองที่ปาก
- สับสน ชัก หมดสติ
- หัวใจเต้นเร็ว หรือเสียงร้องผิดปกติ
หากแมวแสดงอาการเหล่านี้ ให้ทำทันที:
- พาเข้าในบ้านหรือห้องที่มีแอร์
- ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หรือเปิดพัดลมช่วย
- ห้ามใช้น้ำแข็งโดยตรงบนตัวแมว
- ติดต่อสัตวแพทย์ทันที หรือใช้บริการปรึกษาออนไลน์หากจำเป็น
นอกจากภาวะฮีตสโตรกแล้ว แมวอาจมีอาการคล้ายกันเมื่อมีไข้ ดูวิธีแยกแยะและดูแลแมวที่เป็นไข้ได้ที่นี่
บทสรุป
ไม่ว่าฤดูกาลไหน แมวในประเทศไทยก็ต้องเผชิญกับอากาศร้อนอยู่เสมอ การดูแลให้แมวเย็นสบายไม่ใช่เรื่องยากหากมีการวางแผนล่วงหน้าและรู้จักสังเกตพฤติกรรมของพวกเขา เคล็ดลับทั้งหมดในบทความนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงทุกวัน เพื่อให้แมวของคุณปลอดภัย มีความสุข และสุขภาพแข็งแรงตลอดทั้งปี