ลูกแมวในช่วงแรกเกิดต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องอาหารและน้ำดื่มซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน เจ้าของแมวจึงควรเข้าใจว่าเมื่อใดควรเริ่มให้ลูกแมวกินอาหารแข็ง ดื่มน้ำเองได้ และควรเตรียมตัวอย่างไรในช่วงการหย่านม บทความนี้จะให้คำตอบครบทุกด้านจากทั้งมุมมองของสัตวแพทย์และประสบการณ์จริงของเจ้าของแมวในประเทศไทย

ลูกแมวแรกเกิดกินอะไร?
ในช่วง 3–4 สัปดาห์แรกของชีวิต ลูกแมวจะได้รับสารอาหารทั้งหมดจากน้ำนมแม่ หรือจากนมผงสูตรเฉพาะสำหรับลูกแมวในกรณีที่แม่ไม่สามารถให้นมได้ โดยเฉพาะน้ำนมชุดแรกที่เรียกว่าคอเลสตรุม (colostrum) ซึ่งอุดมไปด้วยแอนติบอดีที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของลูกแมว และควรได้รับภายใน 12–24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
ลูกแมวควรกินนมทุก 2–3 ชั่วโมงในช่วงกลางวันอย่างสม่ำเสมอจนถึงอายุประมาณ 3–4 สัปดาห์ หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสัตวแพทย์หรือหน่วยงานดูแลสัตว์ในพื้นที่
ลูกแมวเริ่มหย่านมเมื่อไหร่?
กระบวนการหย่านมมักเริ่มเมื่ออายุประมาณ 4 สัปดาห์ โดยแม่แมวจะเริ่มลดการให้นม และนำลูกแมวไปลองกินอาหาร ลูกแมวที่เลี้ยงด้วยขวดนมอาจเริ่มกัดหรือเคี้ยวขวด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าพร้อมสำหรับอาหารแข็ง
อาหารที่เหมาะสำหรับช่วงเริ่มต้นคืออาหารเปียกสูตรลูกแมว ซึ่งสามารถผสมกับนมสูตรเล็กน้อยเพื่อให้กลิ่นและรสชาติคุ้นเคย แนะนำให้ใช้วิธีป้ายอาหารที่ริมฝีปากเพื่อกระตุ้นให้ลูกแมวเลีย และเริ่มพาไปชามอาหาร โดยให้ค่อย ๆ ปรับจนลูกแมวกินจากชามเองได้
ลูกแมวเริ่มกินอาหารเม็ดได้เมื่อไหร่?
ในช่วงอายุ 5–6 สัปดาห์ ลูกแมวสามารถเริ่มเปลี่ยนไปกินอาหารเม็ดแบบแช่น้ำให้นิ่ม และส่วนใหญ่สามารถกินอาหารเม็ดแห้งได้เต็มที่เมื่ออายุประมาณ 7–8 สัปดาห์
อาหารเปียกมีข้อดีเรื่องเคี้ยวง่าย มีกลิ่นหอม และมีความชื้นสูง ส่วนอาหารเม็ดจะเก็บง่ายและประหยัด หากใช้ร่วมกันจะช่วยให้ลูกแมวได้รับประโยชน์จากทั้งสองแบบ
ไม่ควรให้อาหารแมวสูตร “ทุกช่วงวัย” กับลูกแมวในช่วงนี้ เพราะยังต้องการสารอาหารที่แตกต่าง เช่น โปรตีน กรดอะมิโน แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งพบได้ในอาหารลูกแมวโดยเฉพาะ
ลูกแมวเริ่มดื่มน้ำเมื่อไหร่?
ลูกแมวจะเริ่มดื่มน้ำด้วยตัวเองเมื่ออายุประมาณ 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มหย่านม ก่อนหน้านั้นพวกมันจะได้รับความชุ่มชื้นจากน้ำนมแม่เท่านั้น
แนะนำให้เริ่มวางจานน้ำแบน ๆ ตั้งแต่อายุ 4 สัปดาห์ และเลือกใช้ภาชนะที่ทำความสะอาดง่าย เช่น ชามเซรามิกหรือสแตนเลส เพื่อป้องกันกลิ่นหรือแบคทีเรียที่อาจทำให้ลูกแมวไม่อยากดื่ม
หากลูกแมวกินแต่อาหารเปียก ปริมาณน้ำที่ต้องดื่มจะน้อยลง แต่ยังควรเตรียมน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา
ลูกแมวควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่?
ลูกแมวอายุไม่เกิน 3 เดือนควรดื่มน้ำประมาณ 70 มิลลิลิตรต่อวัน (ประมาณ 2.3 ออนซ์) โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว เมื่ออายุ 6 เดือน ปริมาณที่แนะนำคือประมาณครึ่งถ้วย และเมื่อโตเต็มวัยจะอยู่ที่ประมาณ 1 ถ้วยต่อวันสำหรับแมวหนัก 4.5 กิโลกรัม

วิธีช่วยกระตุ้นให้ลูกแมวดื่มน้ำ
- วางชามอาหารและชามน้ำให้ห่างกันเล็กน้อย
- ใช้น้ำพุแมวเพื่อสร้างความสนใจ
- เลือกชามน้ำที่สะอาด ไม่มีกลิ่นรบกวน
- วางไว้ในที่เงียบสงบ
- ให้อาหารเปียกร่วมด้วยเพื่อเสริมความชุ่มชื้น
เหตุการณ์สำคัญในช่วงวัยลูกแมว
- แรกเกิด: ยังลืมตาและเปิดหูไม่ได้ ใช้กลิ่นนำทาง
- 1 สัปดาห์: น้ำหนักเพิ่มเป็นสองเท่า
- 8–12 วัน: เริ่มลืมตา
- 3 สัปดาห์: ฟันน้ำนมเริ่มขึ้น
- 5 สัปดาห์: เริ่มเล่น และใช้กระบะทราย
- 6–7 สัปดาห์: เคลื่อนไหวคล่อง ฟันน้ำนมขึ้นครบ
- 8–9 สัปดาห์: สีตาจริงเริ่มปรากฏ
- 8–12 สัปดาห์: พร้อมย้ายไปบ้านใหม่
เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนเป็นอาหารแมวโต?
เมื่ออายุครบ 1 ปี ลูกแมวสามารถเปลี่ยนไปกินอาหารแมวโตได้ แต่ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะ 7–10 วัน เพื่อป้องกันปัญหาทางเดินอาหาร โดยเริ่มจากการผสมอาหารใหม่ในสัดส่วนเล็กน้อย และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเต็มที่
หมายเหตุเกี่ยวกับอาหารของคน
แมวบางตัวอาจสนใจอาหารของคน เช่น ข้าวหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุก อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดไว้เพียงเล็กน้อยและไม่ควรใส่เครื่องปรุง ควรเน้นให้อาหารสูตรสำหรับลูกแมวเป็นหลักเพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน
สรุป
ลูกแมวเริ่มหย่านมได้เมื่ออายุประมาณ 4 สัปดาห์ และสามารถเริ่มกินอาหารแข็งและดื่มน้ำได้เองภายในช่วง 7–8 สัปดาห์ ควรให้อาหารเปียกในช่วงแรกเพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความชุ่มชื้น จากนั้นค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดเมื่อฟันแข็งแรง
การดูแลช่วงเปลี่ยนผ่านนี้มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกแมวอย่างมาก เจ้าของที่เตรียมตัวอย่างถูกต้องจะช่วยให้ลูกแมวเติบโตแข็งแรง มีสุขภาพดี และปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้อย่างราบรื่น