น้ำตาไหลในแมวเกิดจากอะไรและควรแก้ไขอย่างไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับเจ้าของแมว

ทีมแมวรัก

แมวรักดำเนินงานด้วยการสนับสนุนจากผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อสินค้าผ่านลิงก์ในเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชันในฐานะพันธมิตร โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ เรียนรู้เพิ่มเติม

แมวขนยาวสีอ่อนมีคราบน้ำตาบริเวณใต้ตา

สารบัญ

ดวงตาของแมวที่มีสุขภาพดีควรดูใส เป็นประกาย ไม่มีน้ำตาไหล หรือขี้ตาเกาะตามขอบตา แต่ถ้าวันหนึ่งคุณสังเกตเห็นว่าแมวมีน้ำตาไหลหรือขี้ตาผิดปกติ เช่น สีเหลือง เขียว หรือเหนียวข้น อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลโดยเร็ว

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักสาเหตุที่ทำให้แมวน้ำตาไหล วิธีสังเกตอาการที่ควรกังวล วิธีดูแลที่บ้านอย่างปลอดภัย และการรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม


สัญญาณที่บอกว่าแมวของคุณอาจมีปัญหาดวงตา

แมวที่มีปัญหาดวงตามักแสดงอาการต่าง ๆ ที่คุณสามารถสังเกตได้ ได้แก่:

  • มีขี้ตาเหนียว ข้น หรือมีสีผิดปกติ (เหลือง เขียว ดำ ปนเลือด)
  • น้ำตาไหลตลอดเวลา หรือมากกว่าปกติ
  • กะพริบตาถี่ หลับตาข้างหนึ่ง หรือหยีตา
  • ขยี้ตาด้วยเท้า หรือเอาหน้าถูเฟอร์นิเจอร์
  • ขอบตาบวม แดง หรือมีคราบแห้งเกาะ
  • ดวงตาขุ่นมัว หรือรูม่านตาไม่เท่ากัน

หากอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หรือแย่ลง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที


ประเภทของขี้ตาและน้ำตาในแมว บอกอะไรเราได้บ้าง

การสังเกตลักษณะของน้ำตาหรือขี้ตาสามารถช่วยวินิจฉัยสาเหตุเบื้องต้นได้:

  • น้ำตาใส: อาจเกิดจากการระคายเคืองเล็กน้อย เช่น ฝุ่น ควัน หรือภูมิแพ้
  • ขี้ตาข้น สีเหลืองหรือเขียว: มักบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ หรือเชื้อแบคทีเรีย
  • ขี้ตาสีดำหรือปนเลือด: อาจเป็นอาการของการอักเสบรุนแรง แผลในตา หรือเนื้องอก ควรรีบพาไปหาหมอ
  • ขี้ตาแห้งติดขอบตา: อาจเกี่ยวข้องกับตาแห้งเรื้อรัง หรือเปลือกตาอักเสบ

สาเหตุของอาการน้ำตาไหลในแมว

น้ำตาไหลในแมวอาจมีได้หลายสาเหตุ ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงร้ายแรง ได้แก่:

1. การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน

เช่น feline herpesvirus (FHV), calicivirus, และแบคทีเรียต่าง ๆ มักมีอาการร่วมคือจาม น้ำมูก ขี้ตาข้น และตาแดง ติดต่อได้ง่ายระหว่างแมว

2. เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)

อาการตาแดง บวม น้ำตาไหล และขี้ตาเหนียว เกิดจากไวรัส แบคทีเรีย หรือสิ่งระคายเคือง เช่น ฝุ่น ละอองเกสร

3. ปัญหากระจกตา

กระจกตาบาดเจ็บ ติดเชื้อ หรืออักเสบ อาจทำให้แมวหลับตาข้างเดียว กะพริบถี่ และมีน้ำตาไหลมาก

4. ยูวีอิติส (Uveitis)

การอักเสบของโครงสร้างภายในลูกตา เกิดจากมะเร็ง อุบัติเหตุ หรือปัญหาภูมิคุ้มกัน มักเจ็บปวดและอันตราย

5. ภาวะตาแห้ง (Keratoconjunctivitis Sicca)

แมวผลิตน้ำตาน้อยลงเรื้อรัง ทำให้ตาแห้ง กระจกตาอักเสบ ขี้ตาเหนียวและเหลือง

6. ท่อน้ำตาอุดตัน

พบบ่อยในแมวพันธุ์หน้าสั้น เช่น เปอร์เซีย ทำให้น้ำตาระบายไม่ออก เกิดคราบตาเปียกเรื้อรัง

7. อาการแพ้ (Allergies)

แมวอาจแพ้ฝุ่น เชื้อรา อาหาร ยาหยอดเห็บหมัด หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

8. เปลือกตาอักเสบ (Blepharitis)

พบขี้ตาแห้ง ขนรอบตาหลุด มีรอยแดงที่ขอบตา อาจเกิดจากปรสิต หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง

9. เนื้องอกที่ดวงตา

ถ้าขี้ตาปนเลือด หรือตามีลักษณะบวมแข็ง ควรพาไปตรวจว่าเป็นเนื้องอกหรือไม่

10. โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบจากไวรัส (FIP)

แม้พบไม่บ่อย แต่หากมีตาแดง ขี้ตาเยอะ และอาการระบบอื่นร่วมด้วย ควรพิจารณาความเป็นไปได้ของโรคนี้


ดวงตาแมวสีเหลืองทองมองไปนอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ
ดวงตาใสและชัดเจนของแมวเป็นสัญญาณของสุขภาพตาที่ดี

แนวทางการรักษาน้ำตาไหลในแมว

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยทั่วไปประกอบด้วย:

  • ยาหยอดตาหรือขี้ผึ้ง: สำหรับติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส
  • ยาต้านไวรัส ยาลดอักเสบ: ในกรณี uveitis หรือโรคไวรัส
  • ยาปฏิชีวนะ: เมื่อมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
  • น้ำตาเทียม หรือยากระตุ้นการหลั่งน้ำตา: สำหรับแมวที่มีภาวะตาแห้ง
  • ล้างท่อน้ำตา: หากท่อน้ำตาอุดตัน
  • ผ่าตัด: ในกรณีเนื้องอกหรือปัญหาที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป

ดูแลแมวเบื้องต้นที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย

  • เช็ดขี้ตาด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เช็ดจากหัวตาไปหางตา
  • ใช้สำลีแผ่นใหม่แยกกันสำหรับแต่ละข้างตา
  • อย่าใช้ยาหยอดตาของคนหรือยาที่เหลือจากครั้งก่อน โดยไม่ปรึกษาสัตวแพทย์
  • สังเกตความเปลี่ยนแปลงของขี้ตาทุกวัน

การเสริมแอล-ไลซีน (L-lysine)

แอล-ไลซีนอาจช่วยลดการระบาดของไวรัสเฮอร์ปีส์ในแมวได้ มีหลายรูปแบบ เช่น:

  • เจลรับประทาน
  • ขนมแมวผสมแอลไลซีน
  • ผงผสมอาหาร
  • หยดผสมในน้ำดื่ม

ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเริ่มใช้


เมื่อไหร่ควรพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที

  • ขี้ตาหรือคราบน้ำตาไม่หายภายใน 24 ชั่วโมง
  • ขี้ตามีสีเขียว เหลือง ดำ หรือปนเลือด
  • แมวมีพฤติกรรมเจ็บตา เช่น ขยี้ตา หยีตา ไม่ลืมตา
  • ดวงตาขุ่น รูม่านตาไม่เท่ากัน
  • มีอาการอื่นร่วม เช่น ไม่กินอาหาร จาม หรือเซื่องซึม

การป้องกันโรคตาในแมว

  • พาแมวฉีดวัคซีนประจำปี โดยเฉพาะ FHV
  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือแมวแออัดเกินไป
  • เช็ดตาแมวอย่างสม่ำเสมอ
  • พาไปตรวจสุขภาพประจำปี
  • เลือกทรายแมวที่ไม่ฟุ้งและไม่ระคายเคือง

สรุป: น้ำตาไหลในแมวไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าอาการน้ำตาไหลจะดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่ในแมวอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคที่ซับซ้อนได้ การหมั่นสังเกตดวงตาแมวและปรึกษาสัตวแพทย์เมื่อพบสิ่งผิดปกติ จะช่วยให้แมวของคุณมีสุขภาพดวงตาที่ดีไปอีกนาน

สมัครรับจดหมายข่าวของเรา

รับเคล็ดลับการเลี้ยงแมว บทความใหม่ๆ และสิทธิพิเศษส่งตรงถึงอีเมลของคุณทุกสัปดาห์